บทที่ 5 เริ่มงานในตำแหน่งใหม่
“ไม่ครับคุณภา! ผมไม่อนุมัติ!!!”
ชลาสินธุ์ส่งเสียงไม่พอใจออกมาเมื่อประภาพรยื่นซองขาวที่ด้านในบรรจุใบลาออกเอาไว้ให้ เขาพูดออกมาก่อนที่จะทันได้เปิดซองนั้นเสียด้วยซ้ำ
“โธ่ คุณสินธุ์ให้พี่ออกเถอะค่ะ พี่แก่แล้วนะ แล้วครอบครัวพี่ก็เรียกร้องหาพี่แล้วด้วย” อีกคนอธิบายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนลูกหลาน เพราะเธอต้องการลาออกก่อนเกษียณเพื่อไปลงหลักปักฐานอยู่กับสามีและลูกอีกสองคนที่ต่างประเทศ
ชลาสินธุ์ทำสีหน้าเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำอธิบายของคนที่อายุรุ่นราวคราวแม่ของเขา ชายหนุ่มรู้ว่าประภาพรทำงานหนักเพื่อเขาและบริษัทมาตลอด ตอนแรกที่ทำกับพ่อก็คงเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่ยิ่งทำก็ยิ่งทุ่มเทมากยิ่งขึ้น กลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขาไปโดยปริยาย
“คุณภาลาพักร้อนชั่วคราวได้ไหม ผมให้ลาสามเดือนเลย จ่ายเงินเดือนปกติด้วยเอ้า เถอะนะครับ อย่าไปเลย ถ้าคุณภาไป ผมก็แย่ละสิ”
อาการเหมือนเด็กน้อยขี้อ้อนแบบนี้ทำให้ประภาพรอดยิ้มไม่ได้ นานแล้วเหมือนกันนะ ที่เธอไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ นับตั้งแต่ที่ผู้ชายสูงใหญ่ตรงหน้าต้องมารับหน้าที่เป็นผู้กุมบังเหียนอาณาจักรแห่งนี้กระมัง
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณสินธุ์ พี่นัดกับสามีกับลูกไว้แล้ว พวกเราจะพากันเที่ยวเป็นปีเลยค่ะ”
“ไม่บอกกันก่อนเลย แล้วใครจะช่วยผมล่ะครับ ผมตายแน่ ๆ เลยคุณภา”
“จะตายอะไรค่ะ ก็มีน้องณิชไงคะ น้องณิชเก่งกว่าพี่ แอ็กทีฟกว่าพี่ ทันสมัยกว่าพี่อีกค่ะ น้องณิชนี่แหละที่ทำให้พี่ตัดสินใจง่ายขึ้น”
“คุณภา โธ่เอ๊ย...” ชายหนุ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด แต่คู่สนทนากลับยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดูปนระอา
“พี่ไม่รู้นะว่าคุณสินธุ์มีปัญหาอะไรกับน้องณิชนัก เพราะเท่าที่ดูพี่เห็นแต่คุณสินธุ์ที่ตั้งแง่กับน้องเขา เอาละ...สมมติว่าศรศิลป์ไม่กินกัน...” ประภาพรหยุดพูดไปพักหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจฟัง และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีปัญหาจึงพูดต่อ “สมมติว่า เราตัดเรื่องศรศิลป์ไม่กินกันออกไป สมมติว่า คุณสินธุ์เปิดใจกว้าง แล้วเราว่ากันแต่เรื่องงาน มีงานไหนบ้างไหมคะ ที่น้องณิชทำพลาด ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีความรับผิดชอบ หรือทำให้เกิดความเสียหาย”
“นี่ผู้หญิงคนนั้นผ่านโปรแล้วเหรอครับ เพิ่งจะสามเดือนเอง”
“แล้วคุณสินธุ์จะเซ็นให้ผ่านไหมล่ะคะ”
“...”
“สำหรับพี่ ผ่านตั้งแต่สัปดาห์แรกแล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มให้กับคำตอบของตัวเอง
“เรื่องงานผมไม่มีปัญหา แต่กับตัว...”
“ทำไมคะ น้องณิชมีอะไร”
“ชอบทำหน้าแปลก ๆ เวลามองผม”
“หืม? คิดมากหรือเปล่าคะ ปกติน้องณิชอัธยาศัยดีค่ะ ใครมาใครไปก็ยิ้มให้ทั้งนั้น รอยยิ้มของคนที่เราไม่ชอบ เลยทำให้ดูแปลก ๆ หรือเปล่าคะ” ประภาพรตั้งข้อสังเกต ก่อนจะว่าต่อ “ถ้าไม่ใช่คนนี้ พี่ก็ไม่รู้จะไปหาใครมาที่ดีกว่านี้มาให้คุณสินธุ์แล้วละค่ะ ลองมองให้ดีสิคะ ตัดความรู้สึกส่วนตัวทิ้งไป แล้วมองน้องณิชด้วยสายตาของผู้บริหารที่กำลังมองคนทำงาน คุณสินธุ์คิดว่าน้องณิชเป็นยังไงคะ”
“เป็นคนดีของคุณภาละมั้งครับ”
“หึ ต่อไปก็จะเป็นคนดีของคุณสินธุ์ด้วยค่ะ” สาวใหญ่ยิ้มกว้าง “งั้นก็เท่านี้นะคะ ลาออกล่วงหน้าหนึ่งเดือน แล้วน้องณิชขึ้นแทนพี่” ประภาพรโปรยยิ้มให้เจ้านายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนขี้หงุดหงิดและปิดใจนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ข่าวคราวการลาออกของประภาพรนั้นดังแบบกระซิบกันไปทั่วมาสักพัก ก็เริ่มมีการพูดคุยกันจริงจัง เมื่อที่บอร์ดประกาศของบริษัทมีประกาศแต่งตั้งให้ ณิชชา ขึ้นรับตำแหน่งเลขาท่านประธาน
น้อยคนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับโยกย้ายในครั้งนี้ เพราะมาทำงานเพียงไม่กี่เดือน กับประสานงานกับทุกฝ่าย รวมทั้งทำงานกับลูกค้าก็ได้รับแต่เสียงชื่นชม ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ณิชชาทำงานที่เก่า จนหลายคนเคยได้ยินชื่อเสียงด้านนี้มาก่อนแล้ว
ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะทำงานได้ดีไม่เท่ากับณิชชา หรือ...ก็แค่ไม่ชอบ อย่างคนที่อยู่ในห้องตอนนี้
อันที่จริง เขาควรจะชอบณิชชา ควรจะชอบมาก ๆ ด้วย เพราะ
ณิชชาเหมือนกับธารากานต์ไปหมดทุกอย่าง เหมือนจะแทบจะแยกกันไม่ออก แต่สายตาที่มองเขาแบบนั้น ถ้าไม่ได้หวังก้าวหน้าเร็วโดยใช้ทางลัด แล้วจะแปลว่าอะไรได้อีก
หรือจะเป็นเรื่องซุ่มซ่าม แข้งขาอ่อนแรงไปซะทุกทีที่เจอเขา หึ...ที่ผ่านมาเขาเจอคนขี้อ่อยมาแล้วมากมาย แต่ไม่มีใครน่ากลัวเท่าณิชชา ผู้หญิงคนนี้มีความเก่งกาจเรื่องการงานเป็นโล่กำบังตัวตนที่แท้จริงไว้ไม่ให้คนอื่นอ่านออก แต่กับเขานั้น...ไม่ใช่
ณิชชาไม่สามารถปิดบังเขาได้ สิ่งที่เขารู้ก็คือ เธอไม่ใช่ผู้หญิงขี้อ่อยธรรมดา แต่เป็นตัวแม่ทางด้านการก้าวกระโดดเชียวล่ะ
หึ...ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าคิดจะใช้เต้าไต่กับฉัน มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น คนเก่งในโลกนี้หาไม่ยากหรอก ต่อไปจะเป็นบทพิสูจน์ของเธอ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ออกไปซะ!!!
ประกายตาของชายหนุ่มฉายแวววับวาว มือของเขากำแน่น
